ฟาลังซ์ (Phalanx)
ฟาลังซ์ เป็นรูปขบวนการจัดทัพรูปแบบหนึ่งของการทำสงครามสมัยก่อนโดยมีการทำมาใช้ครั้งแรกในกรีกเมื่อ 800 ปีก่อนคริสตกาลในสมัยกรีก รูปขบวนฟาลังซ์ประกอบด้วยกองทหารฮอปไลท์(hoplite)ทหารทองคนจะสวมหมวกเหล็กใหญ่ที่ปิดใบหน้าโดยเหลือช่องเฉพาะที่ตา หอกยาวและโล่ขนาดใหญ่ โดยจะเข้าแถวประชิดระหว่างกันและตั้งโล่ไว้ด้านหน้าเพื่อป้องกันลูกธนูและสิ่งต่างๆที่จะเข้ามาโจมตี ทหาร3-4 แถวหน้าจะวางหอกพุ่งไปด้านหน้าเพื่อกันไม่ให้ข้าศึกเข้าถึงตัวรวมไปถึงป้องกันการโจมตีจากทหารม้าของฝ่ายตรงข้าม ส่วนแถวหลังๆจะยกหอกขึ้นฟ้าเป็นแนวเฉียง เพื่อป้องกันลูกธนูของฝ่ายตรงข้าม
ฟาลังซ์ เป็นรูปขบวนการจัดทัพรูปแบบหนึ่งของการทำสงครามสมัยก่อนโดยมีการทำมาใช้ครั้งแรกในกรีกเมื่อ 800 ปีก่อนคริสตกาลในสมัยกรีก รูปขบวนฟาลังซ์ประกอบด้วยกองทหารฮอปไลท์(hoplite)ทหารทองคนจะสวมหมวกเหล็กใหญ่ที่ปิดใบหน้าโดยเหลือช่องเฉพาะที่ตา หอกยาวและโล่ขนาดใหญ่ โดยจะเข้าแถวประชิดระหว่างกันและตั้งโล่ไว้ด้านหน้าเพื่อป้องกันลูกธนูและสิ่งต่างๆที่จะเข้ามาโจมตี ทหาร3-4 แถวหน้าจะวางหอกพุ่งไปด้านหน้าเพื่อกันไม่ให้ข้าศึกเข้าถึงตัวรวมไปถึงป้องกันการโจมตีจากทหารม้าของฝ่ายตรงข้าม ส่วนแถวหลังๆจะยกหอกขึ้นฟ้าเป็นแนวเฉียง เพื่อป้องกันลูกธนูของฝ่ายตรงข้าม
รูปขบวนฟาลักซ์เป็นรูปขบวนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงส่วนใหญ่จะใช้ในการถ่วงเวลาและเบนความสนใจแก่ข้าศึกก่อนที่กองทหารอื่นๆเช่นทหารม้า จะเข้าโจมตีซ้ำในด้านข้างหรือด้านหลังรูปขบวนฟาลังซ์ของกรีกรูปขบวนฟาลังซ์ถูกนำมาพัฒนาเพิ่มเติมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดนกษัตริย์ฟิลิปที่สองแห่งมาเซโดเนียและลูกชาย อเล็กซานเดอร์มหาราชโดยทหารฟาลังซ์ของมาเซโดเนียจะใช้หอกที่มีความยาวมากกว่าฟาลังซ์ของกรีก ทหารฟาลังซ์ถือว่าเป็นกำลังหลักหน่วยหนึ่งที่ทำให้อเล็กซานเดอร์สามารถพิชิตจักรวรรติเปอร์เซียของราชาดาริอุสได้(รวมไปถึงเป็นกำลังหลังที่ทำให้อเล็กซานเดอร์บุกไปได้ถึงอินเดีย)
รูปขบวนฟาลังซ์ของมาเซโดเนียแต่อย่างไรก็ตาม รูปขบวนฟาลังซ์ก็มีจุดอ่อนใหญ่ๆคือไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากด้านข้างหรือด้านหลังได้ เพราะการที่เข้ารูปขบวนแถวชิด และยึดโล่เข้าด้วยกันทำให้รูปขบวนฟาลังซ์ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วอย่างที่เกิดขึ้นในสงครามแห่งไซนอสเซฟาเล่ เมื่อ 364 ปีก่อนคริสตกาลเมื่อกองทัพโรมันใช้วิธีโจตีหน่วยฟาลักซ์จากทางด้านข้าง ซึ่งทำให้ในครั้งนั้นทัพมาเซโดเนียพ่ายแพ้อย่างยับเยิน โดยมีทหารเสียชีวิตถึง 8000 คนและถูกจับเป็นเชลยอีก 5000 คน ส่วนทางโรมันเสียทหารไปแค่ 700 คนเท่านั้น